ยูโร 2020 สิงโตvsอิตาลี เทียบแข้ง ใครแชมป์ยูโร
ยูโร 2020 ฟุตบอล ได้คู่ชิงชนะเลิศแล้ว “สิงโตคำราม” อังกฤษ ที่ ยังไม่เคยได้แชมป์ เจอกับ “อัซซูรี่” อิตาลี ที่ได้แชมป์ 1 สมัย
สิ่งที่น่าสนใจ คือ ทั้งสองทีมยังไม่แพ้ใครในทัวร์นาเมนต์นี้ และแน่นอนว่าต้องมี 1 ทีมที่เสียสถิติในรอบชิงชนะเลิศ ว่ากันว่าการเข้าชิงครั้งนี้เป็นการลบ ฝันร้ายตลอด 55 ปีของอังกฤษ ที่ไม่เคย ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศเมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์ได้เลย ถึงแม้ว่า 3 ปีก่อนจะเข้าถึงรอบรอง ชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2018 ก็ตาม
ซึ่งแชมป์เดียวที่แฟนบอลผู้ดียังหยิบมาอวดกันถึง ทุกวันนี้ คือ แชมป์ฟุตบอลโลก 1966 ที่เตะในบ้านตัวเอง ขณะที่อิตาลีก็ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยนี้มาถึง 53 ปีแล้ว แม้ว่าจะเข้ารอบชิงชนะเลิศมาอีก 2 ครั้ง ในปี 2000 และ 2012 ก็แพ้เรียบ ก่อนเข้าสู่แมตช์ชิงดำในวันที่ 11 กรกฎาคม ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ข้อมูล น่าสนใจของคู่ชิง
มีข้อมูลที่น่าสนใจของคู่ชิงคู่นี้มาให้ได้อุ่นเครื่องกันก่อน เส้นทางสู่รอบไฟนัล อิตาลีโชว์ฟอร์มน่าเกรงขามมาตั้งแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์แล้ว เพราะพวกเขาไม่แพ้ใครมา 27 เกม ในการคุมทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ และชนะติดต่อมา 7 นัดรวดก่อนเข้าสู่รอบสุดท้าย จากที่ไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 เรียกได้ว่าเป็นคนละทีมกับเมื่อหลายปีก่อน
ทีมอัซซูรี่ประเดิมถล่มตุรกี 3-0 ทำให้เขากลายเป็นทีมที่น่าจับตามองขึ้นมากกว่าเดิม ต่อด้วยกระทุ้งสวิตเซอร์แลนด์ 3-0 และทิ้งทวนรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเฉือนเวลส์ 1-0 ทำสถิติชนะรวด ไม่เสียประตู เพิ่มสถิติไม่แพ้ใคร 30 เกมติดต่อกัน รวมทุกรายการ เทียบเท่ากับที่เคยไว้ในยุค 1930 ที่ วิตตอริโอ ปอซโซ่ กุนซือในยุคนั้นเคยทำได้
ส่วนในรอบน็อกเอาต์ต้องบอกว่าอิตาลีเจองานหนัก กว่าจะชนะออสเตรีย 2-1 ในรอบ 16 ทีมได้ก็ต้องไปลุ้นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แล้วยังต้องมาเจอกับเบลเยียม ทีมเบอร์ 1 ของโลก ในรอบ 8 ทีม ที่เป็นอีกตัวเต็งในยูโรหนนี้ แต่ก็เฉือนชนะมาได้ 2-1 เข้ารอบรองชนะเลิศ พบกับสเปน งานหินที่หลายคนเชื่อว่าจะหยุดเส้นทางของอิตาลีไว้เพียงแค่รอบนี้
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะชนะด้วยดวงจากการดวลจุดโทษ (เสมอในเวลา 120 นาที 1-1 ชนะจุดโทษ 4-2) เพราะตลอดทั้งเกมทีมกระทิงดุเล่นได้เหนือกว่าชัดเจน แต่ฟุตบอลต้องการมากกว่าการครองบอลบุก และอิตาลีก็แสดงให้เห็นว่า เกมรับที่เหนียวแน่น จิตวิทยาของนักเตะรุ่นเก๋าและเทพแห่งโชค เป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน พร้อมทั้งทำสถิติไม่แพ้ใคร 33 เกมรวด ชนะรวด 13 เกมได้อีกด้วย
ด้านอังกฤษที่ไม่ได้อยู่ในเต็ง 3 ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้น เอาตัวรอดมาได้เรื่อยๆ ในรอบแบ่งกลุ่ม ตั้งแต่การชนะโครเอเชีย 1-0 เสมอสกอตแลนด์ 0-0 ชนะเช็ก 1-0 คว้าแชมป์กลุ่มเข้าไปเจอกับเยอรมนี อริเบอร์หนึ่ง ซึ่งเกมนี้ทีมสิงโตคำรามสร้างเซอร์ไพรส์เชือดนิ่มใน เวมบลีย์ไป 2-0 ทั้งๆ ที่เวมบลีย์เป็นสังเวียนที่ทีมอินทรีเหล็กจะบุกมาชนะได้บ่อยๆ
เกมในรอบ 8 ทีมที่ชนะยูเครน 4-0 และเฉือนหวิวเดนมาร์ก 2-1 ในรอบรองชนะเลิศ อาจจะทำให้แฟนบอลอังกฤษแฮปปี้ แต่ถ้ามองชื่อชั้นของทีมคู่แข่งแล้ว ถ้าอังกฤษไม่ชนะก็ถือว่าเป็นเรื่องพลิกล็อกกันเลยทีเดียว สถิติที่เคยเจอกันมา
คู่นี้เคยเจอกันมาแล้ว 27 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 1933 สถิติของอิตาลีดีกว่า ชนะ 11 เสมอ 8 แพ้ 8 ย้อนไป 10 เกมหลังสุด อิตาลีชนะได้ถึง 5 ครั้ง เสมอ 3 และแพ้ไปแค่ 2 เกม ยิ่งการเจอกันในรอบสุดท้ายของยูโรและฟุตบอลโลกด้วยแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นอัซซูรี่ที่เก็บชัยชนะไปได้
นับตั้งแต่ปี1980 เป็นต้นมา อังกฤษไม่เคยชนะอิตาลีในรอบทัวร์นาเมนต์ได้เลย ยูโร1980 รอบแบ่งกลุ่ม อิตาลี ชนะ 1-0 / ฟุตบอลโลก 1990 นัดชิงที่ 3 อิตาลีชนะ 2-1 / ยูโร 2012 รอบ 8 ทีม อิตาลีชนะจุดโทษ 4-2 (เสมอในเวลา 0-0) / ฟุตบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม อิตาลีชนะ 2-1 แต่ก็มีสถิติที่น่าสนใจว่า ถึงแม้อิตาลีจะชนะอังกฤษได้ในรอบสุดท้าย แต่ก็ไม่เคยทำให้พวกเขาไปถึงแชมป์ได้เลย เว้นเสียแต่ว่าถ้าชนะในรอบชิงชนะเลิศได้ ก็จะลบคำสาปนี้ลงได้เสียที
ใครจะเป็นแชมป์? ณ เวลานี้ไม่มีใครที่ให้คำตอบนี้ได้อย่างแม่นยำ แต่การที่อังกฤษได้เล่นในเวมบลีย์ถือเป็นความได้เปรียบ เพราะเล่นในบ้าน ตัวเอง บรรยากาศที่คุ้นเคย แฟนบอลจำนวนมากก็เป็นชาวอังกฤษ
ดิ อนาไลส์ เว็บไซต์วิเคราะห์สถิติ และทำนายผลการแข่งขันใช้ซุปเปอร์ คอมพิวเตอร์ ในการวิเคราะห์ทีมที่จะเป็น แชมป์ โดยใช้การวิเคราะห์ผลงานของทีมต่างๆ ในรอบที่ผ่านมา ซึ่งวิเคราะห์ก่อนการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ซึ่งอิตาลีมีโอกาสเป็นแชมป์ 39.1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอังกฤษ 29.2 เปอร์เซ็นต์
โกลด์แมน แซคส์ ธนาคารการลงทุนยักษ์ใหญ่ ได้ใช้หลักในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของทีมที่จะเป็นแชมป์ ปรากฏว่ายกให้อังกฤษเป็นเต็งหนึ่ง มีโอกาสเป็นแชมป์ที่ 31.9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอิตาลี 22.4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่บ่อนพนันถูกกฎหมายต่างยกให้สิงโตคำรามเป็นเต็งหนึ่งคว้าแชมป์มาตั้งแต่รอบ 8 ทีมแล้ว เพราะเส้นทางของพวกเขาไม่หนัก และการได้เล่นในเวมบลีย์เป็นปัจจัยสำคัญให้ทีมมีพลังบวกในเกมนี้ อิตาลีที่เคยมีประสบการณ์ในรอบชิงชนะเลิศมาแล้ว 3 ครั้ง ถึงแม้ 2 ครั้งหลังสุดจะผิดหวัง แต่ก็แพ้ให้ทีมที่เพิ่งเป็นแชมป์โลกมาหมาดๆ ทั้งนั้น
ยูโร 2000 แพ้ฝรั่งเศส แชมป์โลก 1998 ส่วนยูโร 2012 แพ้ให้สเปน แชมป์โลก 2010 ครั้งนี้อังกฤษไม่ได้มาฐานะแชมป์โลก แต่ในฐานะเจ้าบ้าน ที่หลายคนมองกันว่า Football is coming home. ฟุตบอลจะได้กลับบ้านจริงๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม แฟนบอลอัซซูรี่ไม่คิดแบบนั้น เพราะพวกเขาบอกว่า Football is coming Rome. ฟุตบอลกำลังจะไปกรุงโรมต่างหาก
ฟุตบอลจะไปไหน ช่วงดึกของคืนวันที่ 11 กรกฎาคม หรือเช้ามืดของวันที่ 12 กรกฎาคม เราจะได้รู้กัน นอกจากลุ้นแชมป์แล้ว อย่าลืมลุ้นโชคกับกิจกรรม “ข่าวสด มติชน ยูโร 2020” ที่เปิดโอกาสให้แฟนบอลชาวไทยตัดคูปองส่งทีมเชียร์เข้ามาลุ้นรางวัลรวมกว่า 1.4 ล้านบาท ซึ่งต้องรีบตัดรีบส่งเข้ามากันสุดระทึกภายในกำหนดวันที่ 9 กรกฎาคมนี้แล้ว
สนใจแทงบอล รับเครดิตฟรี 200บาท และ โปรโมชั่น100%
เว็บตรง แอดไลน์ ไอดี : @FIN-99 (มี@ด้านหน้า)
รับเครดิตฟรีคลิ๊ก!!
AONZON88 | AONZON99 | AONZON9000 | AONZON | BESTWIN99 | TWIN | FIN88 | FIN995 | FIN789 | FIN59 | FIN24 | FIN889 | FIN888 | FIN88casino | FIN24